Support
www.thaibizsolutions.com
095-979-9890
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ
guest

Post : 2012-09-13 09:05:30.0     Forum: บทความภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ  >  เทคนิคง่ายๆเพื่อให้เก่งภาษาอังกฤษ

คนไทยหลายคนมักเห็นว่าเรื่อง "Tense" เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในการเรียนภาษาอังกฤษ .. อันที่จริง ยังมีอีกหลายเรื่องที่พวกเราควรให้ความสนใจและควรเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ เพื่อทำให้สามารถนำภาษาอังกฤษไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เรื่องต่างๆ ก็มีอย่างเช่น

1. ความเข้าใจอย่างถ่องแท้เรื่อง Parts of Speech

2. เรื่องการใช้ verb ต่างๆ (สำคัญมากครับ) เช่น verb ช่วย, verb แท้, infinitive ประเภทต่างๆ, กริยาสามช่อง ฯลฯ

3. Linking Verb, Feeling Verb ต่างๆ

4. การรู้จักใช้คำในการเปรียบเทียบทุกรูปแบบ

5. การใช้ Direct Speech & Indirect (Reported) Speech

6. Main & Subordinate Clauses

7. If Clauses

8. การแปลงฟอร์มคำต่างๆ

เราได้ทำคลิปการสอนแบบสรุปสั้นๆ ในเรื่องต่างๆ เอาไว้ .. ลองดูพอเป็นแนวทางได้เลยครับ เช่น Link ต่างๆ ดังนี้

http://www.youtube.com/watch?v=thkKsWY4YVA

http://www.youtube.com/watch?v=DbbMYWIPhTU

http://www.youtube.com/watch?v=oijWSthJi2A

http://www.youtube.com/watch?v=4DfMh6zNgcs

http://www.youtube.com/watch?v=u5KlHzFRU8I

guest

Post : 2011-07-11 10:24:35.0     Forum: บทความภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ  >  การเรียนรู้ภาษาอังกฤ

การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เราจะต้องมี Passion หรือ ความรู้สึกที่ดีกับสิ่งนี้ หากคุณไม่ทราบว่าอะไรคือ Passion หรือ ความรู้สึกที่ดี คืออะไร ลองย้อนกลับไปมองสิ่งต่างๆ ที่คุณเคยอยากได้ อยากมีสิครับ ยกตัวอย่างเช่น คุณอยากได้เสื้อผ้าดีๆ สวยๆ กระเป๋ายี่ห้อดังๆ หรือ แม้แต่ตอนที่คุณจีบแฟนคุณ เหล่านี้เกิดขึ้นเพราะคุณมี Passion ซึ่งทำให้คุณทุ่มเทพละกำลัง ความตั้งใจ ความพยายามให้ได้มันมา เพราะรู้ว่า มันมีค่ากับคุณแน่นอน ภาษาอังกฤษก็เช่นเดียวกัน สิ่งแรกที่คุณต้องมีคือ Passion หรือ ความรู้สึกที่ดีต่อภาษาอังกฤษ ซึ่งเราต้องคิดต่อว่า แล้วเราจำเป็นต้องรู้ หรือ มีภาษาอังกฤษไว้ทำไม คำตอบคิอ ต้องมีครับ (Must have) เพราะในปัจจุบันนี้ทุกอย่างในชีวิตประจำวัน เราคือ ภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนและการ ทำงาน อันจะนำมาซึ่งความก้าวหน้าในทุกๆ ด้าน สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

ในปัจจุบันนี้ การรู้ภาษาอังกฤษไม่ใช่เป็นเรื่องของความสามารถพิเศษแล้ว ลองจินตนาการการสอบสัมภาษณ์เข้าทำงานของบริษัท เมื่อคุณตอบคำถามว่า คุณทราบภาษาอังกฤษ ผู้ที่สัมภาษณ์คุณไม่ได้มองว่าคุณมีความสามารถที่โดดเด่นไปจากคนอื่นเลย บางบริษัทที่มีชื่อเสียง ยังบังคับให้คุณไปสอบภาษาอังกฤษกับการสอบที่มาตรฐาน เช่น TOEIC, TOELF, IELS ตลอดจน CU-TEP, TU-GET แล้วนำคะแนนสอบที่ผ่านตามเกณฑ์มาร่วมพิจารณากับคุณสมบัติอื่นๆ ส่วนการสอบเข้าเรียนในระดับต่างๆ แทบไม่ต้องกล่าวถึง ต้องใช้คะแนนภาษาอังกฤษมาเป็นเกณฑ์ หรือ แทบจะเป็นตัววัดตัวสุดท้ายในการตัดสินในการเข้าศึกษา

ยิ่งกล่าวไปทำ ให้เครียด จนมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อภาษาอังกฤษ เราลองย้อนกลับมาพิจารณา แล้วจะทำอย่างไรให้เก่งภาษาอังกฤษ ผมคิดว่าคงไม่มีกฎเกณฑ์ใดตายตัว หากแต่จะเป็นเรื่องของการแนะนำส่วนตัว แต่ท้ายที่สุดต้องขึ้นกับผู้ที่ศึกษาเองว่ามี Passion แล้วทุ่มเทกับภาษาอังกฤษ แค่ไหน ดังนั้นผมขอแนะนำวิธีการเรียนรู้ที่สามารถนำเอาไปใช้ นะครับ

หากแยกประเภทการเรียนภาษาอังกฤษ ผมขอแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก คือ

1. ไวยากรณ์ (Grammar)
2. ศัพท์ (Vocabulary)
3. การอ่าน (Reading)
4. การเขียน (Writing)
5. การฟัง (Listening)
6. การพูด (Speaking)

1. ไวยากรณ์ (Grammar)
ไวยากรณ์ หรือ ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Grammar ถือว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับคนไทยเรามาเป็นเวลาหลายสิบปี การเรียนรู้ภาษาอังกฤษขึ้นต้นของผู้เรียน ก็เริ่มจากการเรียนไวยากรณ์ ซึ่งใช้เวลาเกือบสิบปี เรียนกันตั้งแต่เด็กไปถึงผู้ใหญ่ ก็ยังไม่จบ เลยทำให้มีคำถามตามมาว่า ทำไมต้องเรียน เรียนแล้วก็ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

จริง แล้วการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะทำให้ทราบถึงรูปแบบของภาษาในการเรียงถ้อยร้อยคำที่ถูกต้อง เพื่อนำไปใช้ในการสื่อสารให้เข้าใจระหว่างกัน การเรียนไวยากรณ์ต้องใช้ความอดทนในการทำความเข้าใจและจดจำ กฎ และข้อยกเว้นต่างๆ (ซึ่งข้อยกเว้นต่างๆ มักจะนำไปออกข้อสอบ) อีกทั้งต้องคอยสังเกตรูปแบบ

การเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ แทบจะไม่มีอะไรมาก นอกเสียจากลองไปหาหนังสือไวยากรณ์ดีๆ สักเล่ม ลองเลือกเล่มที่ไม่ต้องหนามาก เอาขนาดกลางๆ ก็พอ แล้วค่อยๆ ศึกษา ทบทวน กอปรนึกถึงตอนเคยได้รับการเรียนรู้มาแล้ว จากนั้นทำแบบฝึกหัด หากคุณไม่สามารถบังคับตัวคุณให้ทำอย่างนี้ได้ ลองเดินไปเรียนพิเศษ หรือติวหลักไวยากรณ์ เพื่อจะได้เรียนรู้หลักการจำ การทำความเข้าใจภาษาอังกฤษ ซึ่งอาจจะทำให้คุณเข้าใจไวยกรณ์ภาษาอังกฤษได้ ง่ายขึ้น แต่เมื่อเรียนจบแล้ว คุณต้องกลับมาทบทวน ทำความเข้าใจเรื่อยๆ นะครับ มิฉะนั้นแล้ว ทุกอย่างจะกลับไปคืนผู้สอนหมด ทำให้คุณเสียเงินและยังเสียเวลา แล้วไม่ได้อะไรอีก สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

guest

Post : 2011-07-06 11:21:34.0     Forum: บทความภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ  >  กระเป๋านักเรียนของหนู

กระเป๋านักเรียน


กระเป๋านักเรียนของหนู
(M&C แม่และเด็ก)

         คงเป็นภาพชินตาของเด็กนักเรียนไทยในยุคนี้ไปแล้ว กับเจ้ากระเป๋าหนังสือในเขื่องคล้ายแบกตู้หนังสือไป-มา ระหว่างบ้านกับที่โรงเรียน ผู้ใหญ่หลาย ๆ คน บ้างก็มองว่า เป็นเรื่องตลกขบขัน บ้างก็มองว่า จะเรียนอะไรกันเยอะแยะ ซึ่งโทษภัยของการแบกสัมภาระหนัก ๆ ก็มีอยู่มีใช่น้อย ถ้าหากว่าเรามองข้ามไป

กระเป๋าหนังสือกับน้ำหนักตัว


         งาน วิจัยสำรวจน้ำหนักตัวและน้ำหนักกระเป๋าหนังสือของนักเรียนชั้น ป.1-ป.6 ของ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีพบว่า กว่า 80% ของเด็ก ต้องแบกสัมภาระไปโรงเรียนด้วยกระเป๋ารูปแบบต่าง ๆ ที่มีน้ำหนักมากกว่า 10% ของน้ำหนักตัว ซึ่งเป็นน้ำหนักที่ไม่เหมาะสม และในจำนวนนี้มีถึง 25% แบกหิ้วส้มภาระหนักกว่า 20% ของน้ำหนักตัวถือเป็นน้ำหนักอันตราย ที่จะส่งผลต่อกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลัง โดยในจำนวนนี้อีกกว่า 70% ใช้กระเป๋าแบกหลังทำให้น้ำหนักกดทับตรงกล้ามเนื้อต้นคอ ไหล่ หลังและกระดูกสันหลัง สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

น้ำหนักกระเป๋า

         น้ำหนัก กระเป๋าที่เหมาะสมกับเด็กอายุไม่ถึง 10 ปี ไม่ควรกิน 10-15% ของน้ำหนักตัว แต่ก็มีงานวิจัยของประเทศสหรัฐฯ ว่า เด็กแบกกระเป๋าไม่ควรเกิน 25% ของน้ำหนักตัว แต่เด็กของเราโครงสร้างร่างกายเล็กกว่าเขาเยอะค่ะ ดังนั้น จึงไม่ควรแบกน้ำหนักมากขนาดนั้น ยกตัวอย่าง เช่น เด็กน้ำหนัก 20 กิโลกรัม ควรแบกน้ำหนักกระเป๋าอยู่ที่ประมาณ 2-3 กิโลกรัม ไม่ควรแบกเกินมากกว่านี้ รอให้โตขึ้นมาหน่อย สักประมาณอายุมาก 10 ปีไปแล้ว จึงค่อยปรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นให้เหมาะสม

กระเป๋าชนิดไหน ถึงจะโดนใจ

         กระเป๋า สะพายหลังเหมาะสมที่สุด เพราะการใช้ไหล่ทั้ง 2 ข้างทำให้น้ำหนักสมดุลกันอยู่ตรงกลางหลังรวมทั้งกล้ามเนื้อขา สะโพกจะช่วยรองรับได้ดีกว่าการสะพายข้างเดียว แต่ให้ระวังสายกระเป๋าไม่ควรใช้แบบสายเส้นเล็ก ๆ เพราะจะทำให้ปวดหลังได้ง่าย รวมทั้งมีการจัดระเบียบของในกระเป๋าให้ดีด้วย การใส่ของที่มีน้ำหนักมาก ๆ ควรใส่ไว้ชิดกับแผ่นหลังตัวเราหรือด้านในสุดของกระเป๋า และใส่ของน้ำหนักน้อย ๆ ไว้ด้านนอกเพื่อจะได้ไม่ถ่วงน้ำหนักมากเกินไปค่ะ

กระเป๋าหนัก...เด็กไม่โต

         เดิน ทางสายกลาง ไม่เบาและไม่หนักจนเกินไป เพราะอาจทำให้ร่างกายทำงานหนักมากกว่าปกติ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย กล้ามเนื้อโครงสร้าง ที่สำคัญก็คือเรื่องบุคลิกภาพเมื่อโตขึ้น เด็กที่เดินหลังงองุ้มดูแล้วคงไม่สง่าเท่าไหร่ใช่มั้ยคะ รวมทั้งอาการปวดหลัง ปวดคอ พวกนี้จะค่อย ๆ สะสมทีละเล็กละน้อย ส่งผลต่อสุขภาพจิตจนเกิดเป็นความเครียดอีกทางหนึ่งด้วยค่ะ สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

ดูอย่างไร...กระดูกคดหรือไม่คด

         วิธี สังเกต เริ่มจากให้เด็กถอดเสื้อออกหรือใส่เสื้อบาง ๆ สวมกางเกงขาสั้น ไม่ต้องสวมรองเท้า แล้วยืนตัวตรง สังเกตว่า เท้าทั้ง 2 ข้างและระดับไหล่ทั้ง 2 ข้างเท่ากันหรือไม่ หรืออยู่ในระดับเดียวกันหรือไม่ สะโพกและหลังเอียงหรือไม่ ให้มองทั้งด้านตรง ด้านหน้าด้านข้างและด้านหลังอย่างละเอียด หากเด็กที่มีรูปร่างผอมจะสังเกตได้ง่ายโดยให้สังเกตตรงกระดูกปุ่ม ๆ ข้างหลังว่าเรียงตรงหรือไม่ หากมีอาการเอียงหรือผิดปกติจุดใดจุดหนึ่ง ควรรีบมาปรึกษาคุณหอมเพื่อทำการรักษาค่ะ สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ปีที่ 34 ฉบับที่ 469 มีนาคม 2554

guest

Post : 2011-07-05 16:26:49.0     Forum: บทความภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ  >  หลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเบื้ืองต้นมีอะไรบ้าง

หลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเบื้ืองต้นมีอะไรบ้าง

ถ้านักเรียนเดินเข้าไปในร้านหนังสือ และลองเปิดดูหนังสือไวยากรณ์สักเล่มซิ บางเล่มหนาเตอะเลย อันนี้เค้าเขียนละเอียดถึงขนาดที่ว่าเจ้าของภาษาเองก็ไม่ได้เรียนลึกขนาด นี้  เปรียบเทียบกับไวยากรณ์ไทยก็ได้ จะมีสักกี่คนที่จะเรียนเจาะลึกลงไปจริงๆ ไม่ค่อยมีหรอก เพราะฉะนั้นให้เรียนเฉพาะที่จำเป็น ๆ ก่อน แล้วค่อยเจาะลึกลงไปอีกที ถ้าเราจะศึกษาในแขนงนั้น ๆ

หลักไวยากรณ์เบื้องต้นที่นักเรียนควรเรียนรู้ให้เข้าใจนั้นต้องตอบคำถามความแตกต่างของภาษาอังกฤษและภาษาไทยต่อไปนี้ได้ สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

  • คำนามต่างกันอย่างไร
  • ทำไมกริยาถึงมีสามช่อง เอาไปใช้อย่างไร
  • เวลามีความเกี่ยวข้องกับคำโครงสร้างภาษาอย่างไร

ถ้าตอบคำถามง่าย ๆ นี้ได้แสดงว่าพอเข้าใจหลักภาษาแล้วละครับ

โครงสร้างไวยากรณ์ภาษาอังกฤษซับซ้อนไหม

เฮ้อ….นี่แหละสิ่งที่อยากจะบอกว่าให้ใจเย็น ๆ ให้เรียนให้เข้าใจ และค่อยเป็นไป ซึ่งโครงสร้างในที่นี้คือ โครงสร้างของ Tense นั่นแหละ มันมีโครงสร้าง 12 อันก็จริง แต่ว่าที่ใช้บ่อย ก็มีแค่ 5-6 อันเองแหละ ที่เหลือเรียนให้รู้ก็พอ เพราะไม่ค่อยได้ใช้กันเลย สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

เรื่อง Tense เป็นจุดที่สำคัญที่สุดของหลักภาษาอังกฤษ และเป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจให้แจ่มแจ้ง เพราะเกี่ยวเนื่องกับเวลาโดยตรง คล้ายกับภาษาบาลี หากใครเคยเรียนก็จะรู้ สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

การทำความเข้าใจเรื่อง Tense ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง ใช้จินตนาการหน่อย และยอมรับความแตกต่างระหว่างภาษาให้ได้ แค่นี้เองครับ สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

guest

Post : 2011-07-04 11:35:34.0     Forum: บทความภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ  >  พูดภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ

 

  คือระดับเบื้องต้นครับ ไม่ได้ใช้คำศัพท์แบบระดับสูง เรียกว่าพอเอาตัวรอด หรือแก้ขัดไปก่อน ถ้าอยากเก่งต้องฝึกฝน และฝึกฝนครับ ขออนุญาตทำความเข้าใจกันก่อนนะครับ คือการพูดภาษาอังกฤษนั้นแตกต่างจากภาษาไทยของเรามาก คือ ภาษาของเขานั้นเสียงสระ พยัญชนะ นั้นเปลี่ยนแปลงได้ ต้องอาศัยเสียงของเจ้าของภาษาและพจนานุกรมดีๆ ได้มาตรฐาน แล้วออกเสียงหนักเบาให้เหมือนเขาเด๊ะ ห้ามออกเสียงตามใจฉัน มิฉะนั้นจะไม่มีใครเขาฟังเข้าใจนะคะ ต้องหมั่นฝึกฝนนะครับ สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

ขอเริ่มด้วยวิธีการถามนะครับ How to ask 

What ว็อท อะไร         who ฮู ใคร  

Where แวร์ ที่ไหน       When เวน เมื่อไหร่

Which วิช สิ่งไหน        Why วาย ทำไม 

What time ว็อท ไทม์    กี่โมงแล้ว

 How ฮาว อย่างไร        

 How much ฮาว มัช ราคาเท่าไหร่

 How many ฮาว มัช   จำนวนเท่าไร

 นั่นคือการถามแบบสั้นๆ พอเข้าใจนิดๆ  คราวนี้เราจะเริ่มเพิ่มความยาวของประโยค

 ประโยคที่ชาวตะวันตกนิยมพูดมักเป็นเรื่องของสุขภาพ สภาพอากาศ  เขาจะไม่ถามเรื่องส่วนตัวกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ นี่คือความแตกต่างทางวัฒนธรรม เพราะฉะนั้นบางคำถามในภาษาไทยของเรา เมื่อถามเป็นภาษาอังกฤษแล้วจะฟังเหมือนว่าเราไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเขาเช่น กินข้าวยัง ไปไหน มาทำอะไรที่นี่   ทำงานที่ไหน น้องแต่งงานยัง รายได้ดีไหม  ดูอ้วนขึ้นนะ   ประโยคเหล่านี้ฝรั่งเขาถือว่าหยาบคายมาก เพราะคนในครอบครัวเขายังไม่ถามกัน สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

 


guest

Post : 2011-07-01 10:43:18.0     Forum: บทความภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ  >  เทคนิคจำศัพท์ภาษาอังกฤษ

เทคนิคจำศัพท์ภาษาอังกฤษ

ภาษา อังกฤษถือเป็นภาษากลางที่มีความจำเป็น เนื่องจากมีบทบาทต่อผู้คนในหลากหลายอาชีพ รวมไปถึงน้อง ๆ นักเรียน นักศึกษาที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นพื้นฐาน ส่วนใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับการจำคำศัพท์ ....ลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ดู

จัดศัพท์เป็นหมวดหมู่    เช่น คำที่มีความสัมพันธ์กัน หรือมีความหมายตรงข้ามกัน จะช่วยให้จำศัพท์ได้ง่ายขึ้น อาจจดบันทึกใส่สมุดที่พกพาได้ เพื่อความสะดวกเมื่อต้องหยิบมาท่องในเวลาว่าง สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

นำศัพท์มาใช้บ่อย ๆ    ทำให้เกิดความเคยชิน จะจำได้แม่นยำขึ้น จากนั้นลองแต่งประโยคจากคำเหล่านั้น เพื่อฝึกการเรียบเรียงประโยค

จำศัพท์จากการออกเสียง    อาทิ คำที่ออกเสียงคล้าย ๆ กัน นอกจากจะช่วยให้นึกถึงความหมายได้ง่ายแล้ว ยังได้รู้หลักการออกเสียงที่ถูกต้อง

ท่องศัพท์ทุกวัน    อย่างน้อยวันละ 10 คำ และหมั่นทบทวนบ่อย ๆ ให้คุ้นเคย หากมีโอกาสสนทนากับคนพูดภาษาอังกฤษ ควรลองนำศัพท์ไปใช้ในสถานการณ์จริง สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

ฝึกฟัง-อ่านภาษาอังกฤษจากข่าวหรือหนังสือต่าง ๆ     แล้วสังเกตหาศัพท์ที่เคยท่อง จะช่วยให้เข้าใจเรื่องราวโดยรวมของเรื่องที่อ่านได้เร็วขึ้น

หลักการจำที่สำคัญอีกประการ คงต้องอยู่ที่ความขยันและความสม่ำเสมอในการท่อง เพื่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ที่ได้ผล. สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

 

ที่มา เดลินิวส์ 9/4/52 โดย ‘รัตติกาล’

guest

Post : 2011-06-27 10:40:31.0     Forum: บทความภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ  >  สยบภูมิแพ้ด้วยอาหาร

อาหารเพื่อสุขภาพ

สยบภูมิแพ้ด้วยอาหาร (e-magazine)

          โรค ภูมิแพ้เป็นโรคประจำตัวอันดับต้น ๆ ของคนเมือง ที่ชีวิตพัวพันอยู่กับฝุ่นละอองจากควันรถยนต์ โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่นมีผู้ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคก็มีทั้งมาจากมลพิษในอากาศและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยน แปลงไป การขาดการออกกำลังกาย กรรมพันธุ์ อาหารที่รับประทานเข้าไป แต่ถ้าเรารู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสม จากสาเหตุของการเกิดโรค ก็อาจเปลี่ยนเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันการเกิดอาการภูมิแพ้ได้เช่นกัน

          การทานอาหารสำหรับคนเป็นภูมิแพ้ ถือว่าไม่ยุ่งยากเหมือนกับวิถีการกินของผู้ป่วยที่เป็นโรคอื่น ๆ โดยผู้ที่เป็นภูมิแพ้อาจต้องเลือกรับประทานอาหารที่ต้องคำนึงถึงฤทธิ์ร้อน และฤทธิ์เย็น เพราะถ้าร่างกายของเราไม่มีความสมดุล มีภาวะร้อนเกินหรือเย็นเกิน ร่างกายจะแสดงอาการป่วยและภาวะของโรคต่าง ๆ ออกมา



          เมืองไทยเป็นประเทศเมืองร้อน คนส่วนใหญ่จะมีร่างกายในเชิงฤทธิ์ร้อนมากกว่าชาวตะวันตก ดังนั้นควรเลือกรับประทานประเภทฤทธิ์เย็น เช่น การทานผักผลไม้ สมุนไพร หรือน้ำพริก

แต่ทว่าในปัจจุบันหลาย ๆ คนมักทานอาหารเลียนแบบชาวตะวันตก ชนิดที่ว่าเน้นเนื้อนมไข่ จำพวกแฮมเบอร์เกอร์ มันฝรั่งทอด ขนมเค้ก ซึ่งอาหารพวกนี้มีน้ำตาล และไขมันสูง ส่งผลให้ร่างกายเพิ่มความเป็นฤทธิ์ร้อนมากขึ้น

โดยจะมีอาการที่แสดงออกทางรางกายจากภาวะเสียสมดุลเพราะมีความเป็นฤทธิ์ร้อน มากเกินไป เช่น หน้าแดง ตาขาวเริ่มมีสีแดง อุณหภูมิในร่างกายสูง และด้วยอาการดังกล่าวก็ส่งผลให้โอกาสที่จะเกิดผื่นคัน ภูมิแพ้ก็มีสูง



         

ทั้ง นี้ โรคภูมิแพ้ซึ่งเป็นโรคซึ่งเกิดจากสภาวะร้อนภายในร่างกายมาก และเกิดการสะสมมานาน ผู้ป่วยจึงควรเร่งปรับสมดุลให้ร่างกายด้วยการรับประทานอาหารฤทธิ์เย็นอย่าง สม่ำเสมอและต่อเนื่อง พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารดังนี้คือ

อย่าได้แตะถ้าเป็นภูมิแพ้

         

หลีกเลี่ยงอาหารในกลุ่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ



         

หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากนม เช่น เค้ก เบเกอรี่ ไอศกรีม ช็อกโกแลต



         

หลีกเลี่ยงสารเคมีปรุงแต่งอาหาร และสารปนเปื้อน เช่น ฟอร์มาลินในอาหารทะเล สีสังเคราะห์ สารกันบูด ผงชูรส ยาฆ่าแมลง



         

เลือกรับประทานผัก และผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidant) หรือยาธรรมชาติ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคหวัด ภูมิแพ้ ติดเชื้อง่ายสอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว



         

เลือกรับประทานอาหารที่ใช้น้ำมันไม่ผ่านความร้อน สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว



         

ใช้เครื่องปรุงธรรมชาติ เช่น ซีอิ๊วหมักธรรมชาติ,มิโซะ, เต้าเจี้ยว, บ๊วยดอง, ขิง เป็นต้น



เมนูแนะนำเพื่อสู้ภูมิแพ้

         

เช้า :

สลัดไก่และน้ำมันมะกอก ซุปฟักทองราดน้ำมันงา ข้าวโพดต้ม 1 ฟัก น้ำมะพร้าวพร้อมเนื้อ



         

กลางวัน :

ข้าวกล้องโรยงาดำ ปลาแซลมอลนึ่งพร้อมผักออร์แกนิกและน้ำจิ้มแจ่ว น้ำส้มหรือน้ำฝรั่งคั้นสด กล้วยน้ำว้า 2 ลูก



         

เย็น :

ข้าวกล้อง แกงส้มปลาช่อน ยำใหญ่ใส่สารพัด น้ำถั่วเขียวต้มใส่ขิง เพื่อเพิ่มความร้อนให้แก่ร่างกายในฤดูหนาว สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว



         

เมนูเสริม :

ต้มยำไก่บ้าน ปอเปี๊ยสดใส่กุ้ง แหนมเนือง โซบะน้ำใส่มิโซะหมู



         

เห็น หรือยังว่า บางครั้งการสู้กับโรคร้ายต่าง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาหรือสารเคมีเสมอไป เพราะอาหารดี ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสามารถทำให้คุณแข็งแรงและพร้อมสู้กับวันที่แสน วุ่นวาย

ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info

guest

Post : 2011-06-24 16:42:22.0     Forum: บทความภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ  >  เทคนิคการฝึกภาษาอังกฤษ

เทคนิคการฝึกภาษาอังกฤษ


1. การเขียน

ผมเป็นคนชอบเล่าเรื่องครับ การฝึกเขียนที่ง่ายที่สุด ก็คือการเขียนเรื่องเกี่ยวกับตัวเองและกิจกรรมต่างๆ ที่กระทำไป เพราะเรามีข้อมูลดิบที่จะนำมาถ่ายทอดอยู่แล้ว เหลือเพียงพยายามนำมาเรียบเรียงให้ผู้อื่นอ่านแล้วเข้าใจเท่านั้น สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

แต่ละวันผมจะฝึกเขียนประมาณครึ่งหน้ากระดาษ หรือประมาณร้อยห้าสิบถึงสองร้อยคำ เพื่อบอกเล่าสรุปว่าแต่ละวันมีเหตุการณ์อะไรน่าสนใจ หรือไปไหนมาบ้าง เจออะไรบ้าง อะไรแบบนี้ครับ สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

ผ่านไประยะหนึ่ง ก็เริ่มพัฒนาเป็นการเขียนแบบแสดงความคิดเห็น เช่นว่า วันนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเป็นที่ถกเถียงกัน เราเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไรบ้าง พร้อมกับยกเหตุผลมาประกอบ

แล้วถ้ามีโอกาสก็เอาไปขอให้ครูที่โรงเรียนตรวจให้ หรือถ้าครูไม่ว่างก็ขอให้เพื่อนที่เรียนระดับสูงๆ ช่วยตรวจให้ แต่ก่อนจะไปขอเค้าตรวจให้ได้นั้น เราก็ต้องสนิทกับเค้าในระดับนึงก่อนนะครับ และคนๆ นั้น ต้องเป็นคนที่ชื่นชอบที่จะช่วยตรวจให้เพื่อนที่เรียนในระดับต่ำกว่า หรือถ้าเป็นอาจารย์ ก็อาจารย์ที่ยินดีจะสละเวลาเล็กๆ น้อยๆ เพื่อนักเรียน ไม่ใช่ครูประเภททำงานฆ่าเวลาแลกเงินไปวันๆ  สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

จากที่เขียนสั้นๆ ก็เริ่มเขียนยาวขึ้น แต่เมื่อมันยาวขึ้น ความถี่ในการขอให้เค้าตรวจให้ก็ต้องลดน้อยลง ไม่งั้นก็จะเป็นการรบกวนเค้าเกินไป แต่ครูส่วนใหญ่ ถ้านักเรียนสนใจที่จะเขียนแบบนี้นะ ถ้าว่างเค้ายินดีตรวจให้อยู่แล้ว


2. การฟัง

คนส่วนใหญ่ เวลาไปไหนมาไหน จะมี ipod หรือ mp3 player ติดหูกันประจำอยู่แล้ว ร้อยละเกือบร้อยก็ฟังเพลง และที่ร้ายกว่านั้น นักเรียนไทยส่วนใหญ่ ดันชอบเอาเพลงไทยไปฟังด้วยสิ (แล้วมันจะฝึกได้มั้ยภาษาเนี่ย)

guest

Post : 2011-06-23 18:28:32.0     Forum: บทความภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ  >  เทคนิคจำศัพท์ภาษาอังกฤษ

ภาษาอังกฤษถือเป็น ภาษากลางที่มีความจำเป็น เนื่องจากมีบทบาทต่อผู้คนในหลากหลายอาชีพ รวมไปถึงน้อง ๆ นักศึกษาที่หลายหลักสูตรต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นพื้นฐาน ส่วนใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับการจำคำศัพท์  มีเทคนิคช่วยจำมาฝาก

จัดศัพท์เป็นหมวดหมู่ เช่น คำที่มีความสัมพันธ์กัน หรือมีความหมายตรงข้ามกัน จะช่วยให้จำศัพท์ได้ง่ายขึ้น อาจจดบันทึกใส่สมุดที่พกพาได้ เพื่อความสะดวกเมื่อต้องหยิบมาท่องในเวลาว่าง สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

นำศัพท์มาใช้บ่อย ๆ ทำให้เกิดความเคยชิน จะจำได้แม่นยำขึ้น จากนั้นลองแต่งประโยคจากคำเหล่านั้น เพื่อฝึกการเรียบเรียงประโยค สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

จำศัพท์จากการออกเสียง อาทิ คำที่ออกเสียงคล้าย ๆ กัน นอกจากจะช่วยให้นึกถึงความหมายได้ง่ายแล้ว ยังได้รู้หลักการออกเสียงที่ถูกต้อง

ท่องศัพท์ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 10 คำ และหมั่นทบทวนบ่อย ๆ ให้คุ้นเคย หากมีโอกาสสนทนากับคนพูดภาษาอังกฤษ ควรลองนำศัพท์ไปใช้ในสถานการณ์จริง

ฝึกฟัง-อ่านภาษาอังกฤษจากข่าวหรือหนังสือต่าง ๆ แล้วสังเกตหาศัพท์ที่เคยท่อง จะช่วยให้เข้าใจเรื่องราวโดยรวมของเรื่องที่อ่านได้เร็วขึ้น สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

หลักการจำที่สำคัญอีกประการ คงต้องอยู่ที่ความขยันและความสม่ำเสมอในการท่อง เพื่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ที่ได้ผล.

guest

Post : 2011-06-22 11:10:48.0     Forum: บทความภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ  >  เคล็ดลับ การ เรียนภาษาอังกฤษ ให้ เก่ง

เคล็ดลับ การ เรียนภาษาอังกฤษ ให้ เก่ง
ลองอ่านดูนะ แล้วช่วยเพิ่มเติมวิธีการเรียนภาษาอังกฤษกันมา เพื่อคนไทยได้เก่งอังกฤษกัน

การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เราจะต้องมี Passion หรือ ความรู้สึกที่ดีกับสิ่งนี้ หากคุณไม่ทราบว่าอะไรคือ Passion หรือ ความรู้สึกที่ดี คืออะไร ลองย้อนกลับไปมองสิ่งต่างๆ ที่คุณเคยอยากได้ อยากมีสิครับ ยกตัวอย่างเช่น คุณอยากได้เสื้อผ้าดีๆ สวยๆ กระเป๋ายี่ห้อดังๆ หรือ แม้แต่ตอนที่คุณจีบแฟนคุณ เหล่านี้เกิดขึ้นเพราะคุณมี Passion ซึ่งทำให้คุณทุ่มเทพละกำลัง ความตั้งใจ ความพยายามให้ได้มันมา เพราะรู้ว่า มันมีค่ากับคุณแน่นอน

ภาษาอังกฤษก็เช่นเดียวกัน สิ่งแรกที่คุณต้องมีคือ Passion หรือ ความรู้สึกที่ดีต่อภาษาอังกฤษ ซึ่งเราต้องคิดต่อว่า แล้วเราจำเป็นต้องรู้ หรือ มีภาษาอังกฤษไว้ทำไม คำตอบคิอ ต้องมีครับ (Must have) เพราะในปัจจุบันนี้ทุกอย่างในชีวิตประจำวันเราคือ ภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนและการ ทำงาน อันจะนำมาซึ่งความก้าวหน้าในทุกๆ ด้าน

ในปัจจุบันนี้ การรู้ภาษาอังกฤษไม่ใช่เป็นเรื่องของความสามารถพิเศษแล้ว ลองจินตนาการการสอบสัมภาษณ์เข้าทำงานของบริษัท เมื่อคุณตอบคำถามว่า คุณทราบภาษาอังกฤษ ผู้ที่สัมภาษณ์คุณไม่ได้มองว่าคุณมีความสามารถที่โดดเด่นไปจากคนอื่นเลย บางบริษัทที่มีชื่อเสียง ยังบังคับให้คุณไปสอบภาษาอังกฤษกับการสอบที่มาตรฐาน เช่น TOEIC, TOELF, IELS ตลอดจน CU-TEP, TU-GET แล้วนำคะแนนสอบที่ผ่านตามเกณฑ์มาร่วมพิจารณากับคุณสมบัติอื่นๆ ส่วนการสอบเข้าเรียนในระดับต่างๆ แทบไม่ต้องกล่าวถึง ต้องใช้คะแนนภาษาอังกฤษมาเป็นเกณฑ์ หรือ แทบจะเป็นตัววัดตัวสุดท้ายในการตัดสินในการเข้าศึกษา สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

ยิ่งกล่าวไปทำให้เครียด จนมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อภาษาอังกฤษ เราลองย้อนกลับมาพิจารณา แล้วจะทำอย่างไรให้เก่งภาษาอังกฤษ ผมคิดว่าคงไม่มีกฎเกณฑ์ใดตายตัว หากแต่จะเป็นเรื่องของการแนะนำส่วนตัว แต่ท้ายที่สุดต้องขึ้นกับผู้ที่ศึกษาเองว่ามี Passion แล้วทุ่มเทกับภาษาอังกฤษ แค่ไหน ดังนั้นผมขอแนะนำวิธีการเรียนรู้ที่สามารถนำเอาไปใช้ นะครับ

หากแยกประเภทการเรียนภาษาอังกฤษ ผมขอแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก คือ

1. ไวยากรณ์ (Grammar)
2. ศัพท์ (Vocabulary)
3. การอ่าน (Reading)
4. การเขียน (Writing)
5. การฟัง (Listening)
6. การพูด (Speaking)

1. ไวยากรณ์ (Grammar)
ไวยากรณ์ หรือ ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Grammar ถือว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับคนไทยเรามาเป็นเวลาหลายสิบปี การเรียนรู้ภาษาอังกฤษขึ้นต้นของผู้เรียน ก็เริ่มจากการเรียนไวยากรณ์ ซึ่งใช้เวลาเกือบสิบปี เรียนกันตั้งแต่เด็กไปถึงผู้ใหญ่ ก็ยังไม่จบ เลยทำให้มีคำถามตามมาว่า ทำไมต้องเรียน เรียนแล้วก็ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

จริงแล้วการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะทำให้ทราบถึงรูปแบบของภาษาในการเรียงถ้อยร้อยคำที่ถูกต้อง เพื่อนำไปใช้ในการสื่อสารให้เข้าใจระหว่างกัน การเรียนไวยากรณ์ต้องใช้ความอดทนในการทำความเข้าใจและจดจำ กฎ และข้อยกเว้นต่างๆ (ซึ่งข้อยกเว้นต่างๆ มักจะนำไปออกข้อสอบ) อีกทั้งต้องคอยสังเกตรูปแบบ

การเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ แทบจะไม่มีอะไรมาก นอกเสียจากลองไปหาหนังสือไวยากรณ์ดีๆ สักเล่ม ลองเลือกเล่มที่ไม่ต้องหนามาก เอาขนาดกลางๆ ก็พอ แล้วค่อยๆ ศึกษา ทบทวน กอปรนึกถึงตอนเคยได้รับการเรียนรู้มาแล้ว จากนั้นทำแบบฝึกหัด หากคุณไม่สามารถบังคับตัวคุณให้ทำอย่างนี้ได้ ลองเดินไปเรียนพิเศษ หรือติวหลักไวยากรณ์ เพื่อจะได้เรียนรู้หลักการจำ การทำความเข้าใจภาษาอังกฤษ ซึ่งอาจจะทำให้คุณเข้าใจไวยกรณ์ภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้น แต่เมื่อเรียนจบแล้ว คุณต้องกลับมาทบทวน ทำความเข้าใจเรื่อยๆ นะครับ มิฉะนั้นแล้ว ทุกอย่างจะกลับไปคืนผู้สอนหมด ทำให้คุณเสียเงินและยังเสียเวลา แล้วไม่ได้อะไรอีกด้วย

guest

Post : 2011-06-20 10:56:28.0     Forum: บทความภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ  >  วิธีเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง วิธีเรียนภาษาอังกฤษ เก่งภาษาอังกฤษ 1

วิธีเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง เก่งภาษาอังกฤษ

วิธีเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง วิธีเก่งภาษาอังกฤษ นั้นเป็นอีดเรื่องนึงที่หลายๆ คนอยากรู้มากๆ สงสัยกันบ้างมั้ยว่า แอ๊ะทำไมเพื่อเราคนนี้ มันเก่งภาษาอังกฤษจัง มันก็คนไทเหมือนเรา โอ้ย อิจฉา วันนี้ทาง Eazy.com เลยขอนำเสนอบทความวิธีเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง เอาหละถ้าพร้อมที่จะเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง ก็ลุยกันเลย

การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เราจะต้องมี Passion หรือ ความรู้สึกที่ดีกับสิ่งนี้ หากคุณไม่ทราบว่าอะไรคือ Passion หรือ ความรู้สึกที่ดี คืออะไร ลองย้อนกลับไปมองสิ่งต่างๆ ที่คุณเคยอยากได้ อยากมีสิครับ ยกตัวอย่างเช่น คุณอยากได้เสื้อผ้าดีๆ สวยๆ กระเป๋ายี่ห้อดังๆ หรือ แม้แต่ตอนที่คุณจีบแฟนคุณ เหล่านี้เกิดขึ้นเพราะคุณมี Passion ซึ่งทำให้คุณทุ่มเทพละกำลัง ความตั้งใจ ความพยายามให้ได้มันมา เพราะรู้ว่า มันมีค่ากับคุณแน่นอน ภาษาอังกฤษก็เช่นเดียวกัน สิ่งแรกที่คุณต้องมีคือ Passion หรือ ความรู้สึกที่ดีต่อภาษาอังกฤษ ซึ่งเราต้องคิดต่อว่า แล้วเราจำเป็นต้องรู้ หรือ มีภาษาอังกฤษไว้ทำไม คำตอบคิอ ต้องมีครับ (Must have) เพราะในปัจจุบันนี้ทุกอย่างในชีวิตประจำวันเราคือ ภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนและการ ทำงาน อันจะนำมาซึ่งความก้าวหน้าในทุกๆ ด้าน

ในปัจจุบันนี้ การรู้ภาษาอังกฤษไม่ใช่เป็นเรื่องของความสามารถพิเศษแล้ว ลองจินตนาการการสอบสัมภาษณ์เข้าทำงานของบริษัท เมื่อคุณตอบคำถามว่า คุณทราบภาษาอังกฤษ ผู้ที่สัมภาษณ์คุณไม่ได้มองว่าคุณมีความสามารถที่โดดเด่นไปจากคนอื่นเลย บางบริษัทที่มีชื่อเสียง ยังบังคับให้คุณไปสอบภาษาอังกฤษกับการสอบที่มาตรฐาน เช่น TOEIC, TOELF, IELS ตลอดจน CU-TEP, TU-GET แล้วนำคะแนนสอบที่ผ่านตามเกณฑ์มาร่วมพิจารณากับคุณสมบัติอื่นๆ ส่วนการสอบเข้าเรียนในระดับต่างๆ แทบไม่ต้องกล่าวถึง ต้องใช้คะแนนภาษาอังกฤษมาเป็นเกณฑ์ หรือ แทบจะเป็นตัววัดตัวสุดท้ายในการตัดสินในการเข้าศึกษา

ยิ่งกล่าวไปทำ ให้เครียด จนมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อภาษาอังกฤษ เราลองย้อนกลับมาพิจารณา แล้วจะทำอย่างไรให้เก่งภาษาอังกฤษ ผมคิดว่าคงไม่มีกฎเกณฑ์ใดตายตัว หากแต่จะเป็นเรื่องของการแนะนำส่วนตัว แต่ท้ายที่สุดต้องขึ้นกับผู้ที่ศึกษาเองว่ามี Passion แล้วทุ่มเทกับภาษาอังกฤษ แค่ไหน ดังนั้นผมขอแนะนำวิธีการเรียนรู้ที่สามารถนำเอาไปใช้ นะครับ สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

หากแยกประเภทการเรียนภาษาอังกฤษ ผมขอแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก คือ

1. ไวยากรณ์ (Grammar)
2. ศัพท์ (Vocabulary)
3. การอ่าน (Reading)
4. การเขียน (Writing)
5. การฟัง (Listening)
6. การพูด (Speaking)

1. ไวยากรณ์ (Grammar)
ไวยากรณ์ หรือ ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Grammar ถือว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับคนไทยเรามาเป็นเวลาหลายสิบปี การเรียนรู้ภาษาอังกฤษขึ้นต้นของผู้เรียน ก็เริ่มจากการเรียนไวยากรณ์ ซึ่งใช้เวลาเกือบสิบปี เรียนกันตั้งแต่เด็กไปถึงผู้ใหญ่ ก็ยังไม่จบ เลยทำให้มีคำถามตามมาว่า ทำไมต้องเรียน เรียนแล้วก็ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

จริง แล้วการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะทำให้ทราบถึงรูปแบบของภาษาในการเรียงถ้อยร้อยคำที่ถูกต้อง เพื่อนำไปใช้ในการสื่อสารให้เข้าใจระหว่างกัน การเรียนไวยากรณ์ต้องใช้ความอดทนในการทำความเข้าใจและจดจำ กฎ และข้อยกเว้นต่างๆ (ซึ่งข้อยกเว้นต่างๆ มักจะนำไปออกข้อสอบ) อีกทั้งต้องคอยสังเกตรูปแบบ

การเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ แทบจะไม่มีอะไรมาก นอกเสียจากลองไปหาหนังสือไวยากรณ์ดีๆ สักเล่ม ลองเลือกเล่มที่ไม่ต้องหนามาก เอาขนาดกลางๆ ก็พอ แล้วค่อยๆ ศึกษา ทบทวน กอปรนึกถึงตอนเคยได้รับการเรียนรู้มาแล้ว จากนั้นทำแบบฝึกหัด หากคุณไม่สามารถบังคับตัวคุณให้ทำอย่างนี้ได้ ลองเดินไปเรียนพิเศษ หรือติวหลักไวยากรณ์ เพื่อจะได้เรียนรู้หลักการจำ การทำความเข้าใจภาษาอังกฤษ ซึ่งอาจจะทำให้คุณเข้าใจไวยกรณ์ภาษาอังกฤษได้ ง่ายขึ้น แต่เมื่อเรียนจบแล้ว คุณต้องกลับมาทบทวน ทำความเข้าใจเรื่อยๆ นะครับ มิฉะนั้นแล้ว ทุกอย่างจะกลับไปคืนผู้สอนหมด ทำให้คุณเสียเงินและยังเสียเวลา แล้วไม่ได้อะไรอีก สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

guest

Post : 2011-06-17 17:32:22.0     Forum: บทความภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ  >  ทำอย่างไรถึงจะเก่งภาษาอังกฤษ

ข้อที่ 1 คุณต้องถามตัวเองให้ชัดเจนว่าทำไมคุณถึงต้องเรียนภาษาอังกฤษ คุณต้องการเรียน

เพื่อไปทำงาน เพื่อต้องการพูดกับผู้ที่พูดภาษาอังกฤษ หรือ เพื่อช่วยคุณในเรื่องการเรียนการศึกษา สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

ข้อที่2 คุณต้องถามตนเองให้ชัดเจนว่าคุณต้องการให้ภาษาอังกฤษของคุณดีในเรื่องใดบ้าง

เช่นการพูดอยู่ในระดับใด การฟังอยู่ในระดับใด การอ่านอยู่ในระดับใด และการเขียนอยู่ในระดับใด สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

ข้อที่3 คุณจงมองตนเองให้ออกว่าคุณได้ทำแล้วสำเร็จอยู่ในระดับที่คุณต้องการแล้วหรือยัง

อะไรที่คุณต้องการจะเห็น ต้องการที่จะได้ยิน และคุณรู้สึกกับมันอย่างไร

ข้อที่ 4 ถ้าเป็นไปได้ ให้คุณเข้า courseเรียนภาษาอังกฤษในที่เปิดสอนภาษาอังกฤษ แต่ถ้า สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

หากคุณไม่สามารถทำได้ คุณก็ต้องสร้างสถานการณ์หรือสิ่งแวดล้อมขึ้นมาอันเป็นที่ที่คุณสามารถ

ใช้ภาษาอังกฤษอันจะนำคุณไปสู่เส้นทางแห่งการเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้ได้

ข้อที่ 5 คุณจงมองหาโอกาสต่าง ๆ ที่จะเรียนและใช้ภาษาอังกฤษของคุณ พูดภาษาอังกฤษเมื่อไรก็ตามที่คุณที่ต้องการพูด ฟังวิทยุ ซีดี ที่เป็นภาษาอังกฤษ ให้อ่านและจดบันทึก

เรื่องต่าง ๆ เป็นภาษาอังกฤษ ถ้าคุณมองหาโอกาสต่าง ๆ เหล่านี้เชื่อว่าคุณก็จะพบมันได้

ข้อที่ 6 จงเขียนคำศัพท์ใหม่ ๆและวลีใหม่ ๆ ต่าง ๆ ลงไปในสมุดบันทึกของคุณ ให้คุณพกพา

สมุดบันทึกเล่มนั้นติดตัวคุณไปด้วย ซึ่งคุณจะได้ดูและอ่านมันเมื่อคุณพอมีเวลา (spare moment)

 

ข้อที่ 7 จงฝึกแล้วฝึกอีก มีคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องอะไรในภาษาอังกฤษให้คุณทบทวน

และฝึกใช้มันถ้าหากคุณไม่ต้องการลืมมัน สิ่งนี้เป็นเรื่องจริง ในการเรียนภาษาต่างประเทศ

ข้อที่ 8 จงหา เพื่อนค หู (buddy) หรือเพื่อนร่วมงาน  (colleague) ที่ชอบเรียนภาษาอังกฤษ จงมองหาใครบางคนที่คุณสามารถเรียนภาษาอังกฤษกับเขาได้ พูดภาษาอังกฤษต่อกันและกัน

 พยายามส่งข้อความ ข่าวสาร ต่าง ๆ เป็นภาษาอังกฤษ

ข้อที่ 9 เรียนภาษาอังกฤษทีละน้อยอย่างสม่ำเสมอ (Learn little and often) จงทำให้

ป็นนิสัยในการเรียนภษาอังกฤษอย่างน้อยวันละ 10 นาทีทุก ๆ วัน ดีกว่าเรียนคราวเดียวกัน

หลาย ๆ ชั่วโมง แต่สัปดาห์ละครั้ง ก็จะทำให้คุณไม่สามารถประสบความสำเร็จได้

ประการสุดท้าย   ในการเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษของคุณแต่ละครั้ง จงถามตัวคุณเองว่า วันนี้คุณต้องการเรียนอะไร What do you want to learn today?” หลังจากคุณเรียนเสร็จแล้ว

ก็จงถามตัวคุณเองด้วยว่าคุณได้เรียนอะไรไปบ้างวันนี้  ตามประสบการณ์ของผู้เขียนเองคิดว่า

ข้อแนะนำเหล่านี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้สนใจที่จะเก่งภาษาอังกฤษ และถ้าเป็นไปได้

หากผู้เรียนมีการคิดเป็นภาษาอังกฤษ ฝันเป็นภาษาอังกฤษด้วยแล้วขอพยากรณ์ว่าภาษาอังกฤษ

ของท่านได้ก้าวหน้าแล้วแน่นอน

guest

Post : 2011-06-16 15:09:07.0     Forum: บทความภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ  >  การสะกดอ่านภาษาอังกฤษเบื้องต้น

สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

พยัญชนะต้น
b = บ bl = บล br=บร
c = ค / ซ ch =ช cl=คล cr=คร
d = ด dr= ดร
f = ฟ fl=ฟล fr=ฟร
g = ก /จ gh = ก gl = กล gr = กร
h = ฮ j = จ
k = ค kl = คล kn = น kr = คร
l = ล m = ม n = น
p = พ ph = ฟ pl = พล pr = พร
q = คว r = ร
s = ซ/ส sc = สค/ส sch = สค/ช scr = สคร
sh = ช sk = สค sl = สล sm = สม
sn = สน sp = สพ spl = สพล spr = สพร
sq = สคว st = สท str = สทร sw = สว
t = ท/ต th = ด/ตซ tr = ทร
v = วฟ์ w = ว wh = ฮ/ว wr = ร
x = ซ y = ย z = ส ng = ง*
หมายเหตุ * พยัญชนะต้นใช้เฉพาะในภาษาไทย, คำขีดเส้นใต้ เป็นเสียงนาสิก
เสียงสระ สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว
a = แอะ ai = ไอ au = เอา ao = เอา
ar = อาร์/ออร์ al = อาล์/ออล์ a-e = เอ au = ออ
aw = ออ ay = เอย์ e = เอะ/อี ea = อี/เอ
ear = เอีย/แอ ee = อี ew = อิว ey = อี/เอ
er = เออร์ ere = เอีย/แอ i = อิ ia = เอีย*
ir = เออ i-e = ไอ o= โอ/เอาะ/อัน oo = อู
oa = โอ oi = ออย or = เออ/ออ oor=ออ/อัว
ou = เอา/อู ow = เอา/โอ oy = ออย o-e = โอ/อัน
u = อุ/อั ua = อัว* ur = เออร์ uy = ไอ
y = ไอ/อี ye = ไอ
ตัวสะกด สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว
b = บ bt = บท์
c = ค ch = ช ck = ค ct = คท์
d = ด dge = ดจ์
f = ฟ ff = ฟ ft = ฟท์
g = ก ge = จ ght = ท
k = ค
l = ล ll = ลล์ ld = ลด์ lf = ลฟ์
lt = ลท์ mpt = มพท์
m = ม mb = มบ์ mf = มฟ์ mp = มพ์
n = น nd = นด์ ng = ง nx,nk = งค์
nce = นส์ nse = นส์ nt = นท์ nz = นส์
p = พ pf = พฟ์ ph = ฟ pt = มท์
q = ค que = ค pth = พตซ์
s = ซ/ส sk = สค์ sp = สพ? Ss = ส
st = สท์
t = ท th = ตซ the = ด
v = ฟ ve = ฟ
w = ว
x = กซ์ xt = คซท์ y = ย ye = ย
z = ส
******************************************
วิธีการสะกดอ่านเทียบ สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว
a n = an
เทียบกับภาษาไทย แ-ะ น = แอน
สะกดอานเปรียบเทียบว่า แอะ นอ = แอน
b a g = bag
เทียบกับภาษาไทย บ แ-ะ ก = แบก
สะกดอ่านเทียบเสียงเสียงว่า บอ แอะ กอ = แบก
d i d = did
เทียบกับภาษาไทย ด อิ ด = ดิด
อ่านออกเสียงว่า ดอ อิ ดอ ดิด

 

guest

Post : 2011-06-15 10:43:46.0     Forum: บทความภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ  >  ดูฟรี-คลิปสอนภาษาอังกฤษ

เรียนภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ

Clip09 - พื้นฐานเรื่องคำต่างๆ ในภาษาอังกฤษ (Part of Speech)

Clip10 - สรุปเรื่องราวและหลักการใช้ Tense ต่างๆ

 

เรียนภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ - Tense

 

 เรียนภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ-Pronunciation

 

 เรียนภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ If Clauses

 

 เรียนภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ Wish

 

 เรียนภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ Come กับ Go

 

 เรียนภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ ใช้คำแบบไม่เป็นทางการ

 

 เรียนภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ การบอกเวลา

guest

Post : 2011-06-08 12:34:42.0     Forum: บทความภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ  >  พื้นฐานการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ

พื้นฐานการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้คุณเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติและได้ประสิทธิภาพสูงสุด ก็คือ

 

คุณควรจะมีความอยากเรียน ซึ่งเป็นความต้องการของตัวเองจากภายใน (Self-motivation) ควรจะมีความรู้สึกดีๆที่จะเรียนรู้ ไม่ใช่เรียนเพราะความจำใจ ไม่ใช่เพราะเราต้องเอาไปสอบ ไม่ใช่เพราะเพื่อธุรกิจหรือเพื่อให้ได้เงินเยอะ

 

เพราะถ้าคุณชอบหรือสนใจภาษาอังกฤษจริง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ทำเงินอะไรให้กับคุณเลยซักกะบาทเดียว คุณก็ยังคงอยากเรียนรู้มัน ... คุณมีทัศนคติแบบนี้บ้างหรือเปล่า

 

โดยส่วนตัวของผม ผมเป็นอย่างที่ได้เขียนไว้ข้างบน ตั้งแต่เด็กจนโต ผมใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งผมจะพูดภาษาอังกฤษได้เหมือนฝรั่ง ผมใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งผมจะได้ร้องเพลงบนเวทีแล้วคุยกับคนดูด้วยภาษาอังกฤษเหมือนอย่างนักร้องอเมริกันที่เราชื่นชอบ ถึงแม้ผมจะไม่ดัง ไม่มีคนมายอมรับในตัวผม มันก็ไม่มีผลให้ผมจะหยุดสนใจการใช้ภาษาอังกฤษได้เลย

 

ทุกวัน ทุกเวลา ผมมักจะพูดภาษาอังกฤษกับตัวของผมเอง กับกิจกรรมต่างๆที่ผมต้องทำ เวลาที่ผมคุยกับหลานอายุ 2 ขวบ ผมก็คุยภาษาอังกฤษกับเขา จนตอนนี้เขาอายุ 3 ขวบกว่า เขาโต้ตอบกับผมเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติ และไม่ต้องคิด

 

แต่ภาษาอังกฤษที่คุณจะใช้นั้น จะต้องเป็นภาษาอังกฤษที่ถูกต้องด้วย ดังนั้น จุดเริ่มต้น คุณต้องเริ่มคิดเป็นภาษาอังกฤษเสียก่อน ทำกับตัวเองคนเดียวนี่แหละ ค่อยๆไปอย่างช้าๆ ไม่ต้องรีบคิดหรือรีบพูดให้เร็วนัก ช้าที่สุดเท่าที่จะช้าได้ แต่ขอเน้นว่า "ต้องถูกไวยากรณ์" ค่อยๆทำไปจนคล่อง แล้วจากนั้น ค่อยพูดเร็วได้ แรกๆมันจะเหนื่อยหน่อย มันจะอึดอัดหรือฝืนหน่อย แต่ในต่อๆไป มันจะกลมกลืนจนเป็นธรรมชาติในตัวคุณ

 

... พิบูลย์ แจ้งสว่าง

처음 이전 ... 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9